ทำไมอาตมาจึงบวชอุทิศชีวิต

ทำไมอาตมาจึงบวชอุทิศชีวิต

 ขอออกตัวก่อนว่าอาตมาไม่ใช่นักเขียน 
ไม่ใช่นักพูด และไม่เคยคิดว่าจะต้องออก
ผลงานอะไร 

แต่เมื่อได้อ่านบทความของอดีตพระรูปหนึ่ง
ของวัดพระธรรมกายที่ออกไป แล้วกลับมา
แว้งกัดครูบาอาจารย์

ทำให้รู้สึกว่าถึงเวลาที่สังคมจะต้องรับรู้ในข้อแท้จริง ที่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกกุขึ้นจากคนที่เนรคุณ
ครูบาอาจารย์

เดิมอาตมาเองไม่ใช่คนที่มีศรัทธาอะไรมากมายในพระพุทธศาสนาหรือจะบอกว่าเป็นชาวพุทธแค่ในทะเบียนก็ได้

จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี  คณะนิติศาสตร์ 
ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่วันแรกของ
การเข้าวัด

จนกระทั่งบรรพชาอุปสมบทในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ จนถึงปัจจุบันรวมเวลาแล้วอยู่ในเพศบรรพชิตย่างเข้าพรรษาที่ ๓๐

เมื่อมีใครถามว่าทำไมอาตมาจึงกล้าปฏิญาณตนบวชตลอดชีวิต ทั้งที่เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว 

หากอยู่ทางโลกก็มีช่องทางในการที่จะเจริญก้าวหน้าได้ อาตมาตอบได้เต็มปากเต็มคำว่า เพราะมีหลวงพ่อพระเทพญาณมหามุนี หรือที่เราเรียกกันในหมู่ลูก ๆ ว่าหลวงพ่อธัมมะเป็นต้นแบบ 

 หากจะให้กล่าวถึงพระคุณของหลวงพ่อที่มีต่อลูก ๆ อาตมาคงกล่าวได้ไม่หมด 

สำหรับคนที่เป็นพ่อคนแม่คน ลองนึกดูว่า ตนเองมีลูกแค่ไม่กี่คนยังเลี้ยงให้ดีได้ยาก 

แต่หลวงพ่อธัมมะ ให้การอบรม เลี้ยงดูลูกศิษย์ ทั้งพระ เณร อุบาสก อุบาสิกา พนักงาน 
รวมแล้วกว่าหมื่นชีวิต

ให้มีความสุข ให้ทั้งการศึกษา จนมีพระเณร อุบาสิกาที่จบ ป.ธ. ๙ มากมาย

มีพระและเจ้าหน้าที่ที่จบปริญญาเอกจาก
ต่างประเทศอีกหลายท่าน ซึ่งปัจจุบันเป็นกำลังสำคัญให้กับการขยายงานพระพุทธศาสนาไปหลายประเทศทั่วโลก

บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ หรือศรัทธาแบบงมงาย หากหลวงพ่อไม่ดี

จริง คนเป็นหมื่นจะอยู่กับท่านหรือ? ลองนึกดูว่า
คนเพียงหนึ่งคนที่ออกไป

กับคนอีกเป็นหมื่นที่อยู่กับหลวงพ่อ โดยที่ไม่มีผลประโยชน์อะไรเลย มีแต่ความรัก ความเคารพ ความศรัทธาต่อท่าน

 อันไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน
ในขณะที่หลวงพ่อไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดถึง “เขา” ในแง่ไม่ดี 

แต่เขากลับใส่ร้ายป้ายสีหลวงพ่อไม่หยุดไม่หย่อน โดยไม่มีความละอายแม้แต่น้อย 

มาดูกันว่า อาตมาเห็นอะไรบ้างที่ต่างจากเขา

 ๑. หลวงพ่อเป็นผู้สมถะ ท่านเป็นต้นแบบในการดำรงชีวิตแบบพระอย่างแท้จริง

กุฏิของหลวงพ่อหลังเล็ก ๆ มีเพียงห้องน้ำเล็ก ๆ ถังและขันอย่างละใบ มีเตียงหนึ่งเตียง

กับโต๊ะเขียนหนังสือ ในห้องจะโล่ง
ไม่มีอะไรรกรุงรัง เพราะหลวงพ่อชอบ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย

 ๒. หลวงพ่อเป็นผู้รักการปฏิบัติธรรม ทุกครั้งที่พวกเราไปนั่งธรรมะกับท่าน ท่านจะเป็นบุคคลแรกที่ไปถึงห้องปฏิบัติธรรม

 มีครั้งหนึ่งที่อาตมาและหมู่คณะได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัดกับท่าน

 อาตมาอุตส่าห์ว่าจะไปให้ถึงก่อนใครในช่วงเช้า ปรากฏว่า เมื่อเข้าไปในห้องปฏิบัติธรรม

ในขณะนั้นเป็นเวลา ๐๔.๐๐ น. ก็พบหลวงพ่อ
ท่านนั่งหลับตาอยู่ก่อนแล้ว เลยไม่ทราบว่าท่านมาตั้งแต่เมื่อไร

 และตลอดเวลาที่อยู่กับท่าน ท่านจะพูดอยู่ไม่กี่เรื่อง คือ เรื่องการปฏิบัติธรรม เรื่องหลวงปู่วัดปากน้ำ และเรื่องคุณยายอาจารย์


 ๓. หลวงพ่อมีความเป็นอัจฉริยะในด้านการปั้น 
แต่ท่านจะปั้นรูปของพระพุทธรูป และหลวงปู่

 หลายครั้งที่ท่านจะเรียกลูก ๆ พระให้ไปช่วยกันปั้น
ท่านจะบอกเสมอว่า ใครปั้นเป็นแบบได้สวย 
หลวงพ่อจะเอาเป็นองค์ต้นแบบ

 ๔. หลวงพ่อมีความเป็นอัจฉริยะในด้านอักษรศาสตร์ จากเดิมที่ท่านก็ไม่เคยเขียนโคลง กลอน

 แต่เมื่อมีผู้รู้มาแนะนำเพียง วันสองวัน
 หลวงพ่อเขียนโคลง กลอน ออกมาสอนลูกได้เป็นเล่ม และคำสอนนั้น ล้วนแล้วแต่สอนให้
ลูกพระลูกเณร อยู่ในเส้นทางของการสร้างบารมี

 ๕. หลวงพ่อเป็นผู้นำที่ใจกว้าง ไม่ใช่อย่างที่อดีตพระคนนั้นกล่าวหา หลวงพ่อท่านให้มีคณะกรรมการบริหารวัด 

ซึ่งอาตมาก็เป็นหนึ่งในผู้บริหาร
จึงกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า
 หลวงพ่อไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายการทำงาน

ของคณะกรรมการบริหารเลย มีแต่คณะกรรมการบริหารด้วยซ้ำที่มักจะเข้าไปขอคำแนะนำจากท่าน

 ๖. หลวงพ่อเป็นต้นแบบของความเคารพ 
ทุกครั้งที่หลวงพ่ออบรม ลูก ๆ ท่านจะพูดยกตัวอย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
หลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยายตลอดเวลา 

ยังจำได้ว่า ท่านเคยถามว่า พวกเราอ่านปฐมสมโพธิกถา(ซึ่งเป็นประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยละเอียด) จบกันกี่รอบ

 อาตมาตอบท่านด้วยความภาคภูมิใจว่า
 อ่านจบสามรอบ หลวงพ่อท่านชมว่า ดีจัง
 แต่ภายหลัง

มีโอกาสสอบถามท่าน ท่านบอกว่า หลวงพ่ออ่านจบไม่ต่ำกว่า ๒๑ รอบ ท่านให้เหตุผลว่า
 เมื่อไรก็ตามที่อ่านประวัติของพระพุทธเจ้าจะทำให้ท่านเกิดกำลังใจในการสร้างบารมี

 ๗. หลวงพ่อเป็นต้นแบบในเรื่องความอดทน ลองนึกดูเถิดว่า หากเป็นเราแค่เจ็บป่วยนิดหน่อย ก็ต้องการพักแล้ว แต่นี่หลวงพ่อมีโรคประจำตัว
หลายอย่าง ทั้งขาก็เจ็บ แต่ด้วยความเมตตา ยังมาลงสอนธรรมะให้กับลูก ๆ

ทุกวัน และตั้งแต่สร้างวัดมาจนถึงปัจจุบัน
หลวงพ่อไม่เคยอยู่นิ่งเฉย ทำทุกสิ่งกับลูก ๆ
และหลายครั้งที่ท่านมาร่วมลอกคลองกับ
ลูกพระลูกเณรโดยไม่ได้ คิดว่าฉันเป็นเจ้าอาวาส
ฉันจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ฯลฯ

อาตมาคิดว่าสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้เป็น
เพียงแค่เสี้ยวหนึ่ง ในคุณธรรมของหลวงพ่อ
ที่ขอยกมาให้ดู 

ส่วนว่าเมื่ออ่านแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็อยู่ที่มุมมอง
และวิจารณญาณของผู้อ่านว่าจะเชื่อ

ใครระหว่างผู้ที่อ้างตนว่าเป็นศิษย์คนสำคัญ
แต่ไม่เคยอยู่จำพรรษาที่วัด
ไม่เคยเป็นคณะกรรมการบริหาร

ไม่เคยได้รับการยอมรับจากใคร 

แม้เมื่อออกจากวัด ไปอยู่ที่ไหนก็อยู่กับเขา
ได้ไม่นาน ถูกขับออกจากวัดทุกแห่ง 
จนในที่สุดต้องลาสิกขาไป 

 ที่วัดพระธรรมกาย หลวงพ่อไม่เคยมีศิษย์คนสำคัญ เพราะท่านรักลูกทุกรูปทุกคนเท่ากัน

เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เพียงแค่อาตมาเท่านั้นแต่ทุกรูปทุกคน ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการเผยแผ่
งานพระพุทธศาสนาแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็เพราะยึดถือหลวงพ่อเป็นต้นแบบนั่นเอง

อาสภกันโต ภิกขุ


Previous
Next Post »