วัดพระธรรมกาย ตอนที่ 8 ศีลธรรมดีถ้วนหน้า

วัดพระธรรมกาย ตอนที่ 8 : 
วิสัยทัศน์วัดพระธรรมกาย

ศีลธรรมดีถ้วนหน้า ภายในปี 2563

Morality for All by the Year 2020 ”


>>วัดพระธรรมกายมองว่า ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐสุด ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ สังคมปัจจุบันทั้งในไทยและทั่วโลกกำลังโหยหาธรรมะ แต่ขาดองค์กรพุทธที่ทำงานเผยแผ่เชิงรุกอย่างจริงจัง ทำให้คนรุ่นใหม่ห่างเหินธรรมะ


พระพุทธศาสนาในไทยจึงเหมือนอยู่บนทาง 2 แพ่ง
ถ้าชาวพุทธยังเพิกเฉยดูดาย หรือแตกแยกโจมตีกัน ประชาชนจะเบื่อหน่าย พระพุทธศาสนาจะเสื่อมลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นศาสนาของชนส่วนน้อยในไทย และอาจสาบสูญไปเหมือนอินเดีย 

แต่หากวัดทุกวัด ชาวพุทธทุกคนสามัคคีกัน ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง ศีลธรรมจะกลับคืนสู่สังคม พระพุทธศาสนาจะเจริญเต็มประเทศไทย และขยายสู่นานาอารยประเทศ 
งานนี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของชาวพุทธทุกภาคส่วน

>>
วัดพระธรรมกายจึงมีคำขวัญที่ให้ศิษยานุศิษย์ท่องปฏิญาณกันทุกคืนทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC ว่า

พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”

โดยทางวัดช่วยในส่วนที่ตนทำได้อย่างเต็มกำลัง อาทิ กราบขอความร่วมมือจากเจ้าคณะพระสังฆาธิการและวัดทั่วประเทศ จัดกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาและปฏิบัติธรรม 

จัดอบรมถ่ายทอด Know How ทักษะในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุที่สนใจทั่วประเทศ 

งานฟื้นฟูพระพุทธศาสนาและศีลธรรมเป็นงานใหญ่ ลำพังวัดหนึ่งวัดใดเพียงวัดเดียวทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นวัดใหญ่เพียงใด แต่ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกวัดช่วยกัน ใครถนัดงานเผยแผ่ ธรรมปฏิบัติ การศึกษา วิชาการ สังคมสงเคราะห์ในรูปแบบใด ดีทั้งนั้น ขอให้ช่วยกันทำ 

เพราะประชาชนก็มีจริตความชอบต่างๆกันไป แต่ละวัดมีรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย จะได้รองรับความชอบของประชาชนได้ทุกกลุ่ม
Key Word ของความสำเร็จ คือ “ความสามัคคี”

>> ถ้าชาวพุทธทุกหมู่เหล่าสามัคคีกันทำ งานนี้สำเร็จแน่นอน คำว่า สามัคคี ไม่ได้หมายถึงว่า ต้องคิดเหมือนกัน ทำวิธีการเดียวกัน เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่หมายถึงให้ใช้พลังของตนไปในทางสร้างสรรค์ ชวนประชาชนมาปฏิบัติแบบที่ตนชอบให้มากที่สุด ใครชอบแบบไหนก็เผยแผ่แบบที่ตนชอบ จะส่งผลโดยภาพรวมเป็นความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ศีลธรรมกลับคืนมาสู่สังคมไทย

แต่ถ้าเอาแต่โจมตีด่าว่ากัน โดยที่สื่อออนไลน์ปัจจุบันก็ไม่รู้ใครเป็นใคร จะมีคนศาสนาอื่นเข้ามาผสมโรงยุให้เราทะเลาะกันเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้ชาวพุทธคุ้นชินกับการดูหมิ่นเหยียดหยามพระสงฆ์ วัด ลามปามถึงพระพุทธรูป ชาวพุทธที่หลงไปในวังวนของการด่าว่าดูหมิ่นพุทธด้วยกันเองนี้ เป็นเหมือนจิ้งหรีดที่ถูกเขาปั่นหัวให้กัดกันเอง

พลังในทางสร้างสรรค์ ---> สามัคคี--> พุทธเจริญ

พลังในทางทำลาย --> แตกแยก--> พุทธเสื่อม

ภาพความสำเร็จ
1. ด้านคณะสงฆ์
-
พระภิกษุมีความรู้ธรรมะ ตั้งใจประพฤติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญแก่ญาติโยม มีความสามารถในการเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชน ทั้งปริยัติและปฏิบัติ

-
วัดร้างหมดไปจากประเทศไทย ทุกวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาอย่างน้อย 5 รูปขึ้นไป มีการปฏิบัติศาสนกิจอย่างคึกคัก วันพระหรือวันอาทิตย์มีญาติโยมเข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรมอย่างเนืองแน่นเต็มศาลาทุกวัด

2. ด้านประชาชน
-
เยาวชนไทยเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เล่นกีฬา เบิกบาน แจ่มใส ไม่ยุ่งอบายมุข ไม่ติดยาเสพติด ไม่มั่วสุมทางเพศ ไม่ก่อการทะเลาะวิวาท นำความสุขใจชื่นใจมาสู่ทุกคนในครอบครัว

-
ชาวพุทธไทยเป็นชาวพุทธเต็มตัว หมั่นศึกษาพระไตรปิฎก ให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เป็นประจำสม่ำเสมอ

-
ชาวไทยมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อกัน เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข สมนาม “สยามเมืองยิ้ม”

3. ด้านประเพณี
-
ฟื้นฟูประเพณีวันพระ ให้ทุกคนตั้งใจให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นพิเศษ

-
ฟื้นฟูประเพณีการบวชเข้าพรรษา ครั้งหนึ่งในชีวิตของชายไทยพุทธทุกคน จะต้องบวชให้ได้อย่างน้อย 1 พรรษา

4. ด้านสังคม
-
เศรษฐกิจกับจิตใจเจริญไปควบคู่กัน ประเทศไทยเป็นปิ่นนานาประเทศ เป็นต้นแบบแห่งการพัฒนาที่ทั่วโลกต้องศึกษา

5.
ด้านต่างประเทศ
- ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกอย่างแท้จริง เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก โดยประสานความร่วมมือกับองค์กรพุทธทั่วโลก มีชาวพุทธจากทั่วโลกเดินทางมาศึกษาธรรมะและเยี่ยมเยือนประเทศไทยมากมาย ปีละหลายสิบล้านคน

ที่มา facebook เพจ พุทธสามัคคี


Previous
Next Post »